ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ “มันสมอง” ของวิเศษในตัวเอง

หัว (เป็นสมองของท่านไม่ดี สู้คนอื่นๆมิได้ หรือคงจะเคยกล่าวว่า วันนี้ทำงานมาก กระทั่งหัว (หัวสมองเหนื่อย เห็นจะจำเป็นต้องพักเสียเชิง มีแต่ว่าการทดสอบด้านการแพทย์และก็จิตวิทยาพูดว่า ที่คิดอย่างงี้คิดผิดทั้งหมด








รวมทั้งนี่เป็นข้อพิสูจน์เกี่ยวกับมันสมอง ข้อ ซึ่งจะช่วยทำให้ท่านรู้เรื่องมันสมองของยอดเยี่ยมในตัวท่าน

1. 
มันสมองเหน็ดเหนื่อยหรือเหนื่อยกับคนไหนกันแน่ไม่เป็น

ผู้ที่ดำเนินการใช้สมองติดต่อกันเป็นเวลานานจะรู้สึกงงงัน เหนื่อย ปฏิบัติงานช้าลง รู้เรื่องเอาเองว่า ใช้ความคิดมากมาย จนกระทั่งสมองเหนื่อย ก็เลยจะต้องพักสมอง เมื่อได้พักและจากนั้นก็รู้สึกแจ่มใส ดำเนินงานได้ดิบได้ดีขึ้น





พวกนักวิทยาศาสตร์ ได้ทดสอบประเด็นนี้ ว่าจริงไม่จริงยังไง ก็พบว่าไม่จริง สมองเหนื่อยกับผู้ใดกันแน่ไม่เป็น เนื่องจากสมองไม่ราวกับกล้าม มิได้ดำเนินงานอย่างกล้าม พลังของสมองมีเหตุที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าเคมี (Electrochemical) ในสมองมันก็เลยไม่เหนื่อย เหมือนกันกับพวกเราเปิดไฟห้าสิบกำลังเทียน เปิดไว้นานเท่าไรมันก็สว่างอยู่เพียงแค่นั้น หากมันจะดับก็ดับไปเลย

อาการที่ใกล้กับความเหนื่อยของสมอง ก็คือความน่าเบื่อ อาทิเช่นเวลาท่องแบบเรียนยากสักเล่มหนึ่ง เพียงพอดึกดื่นเข้า สักนิด จิตใจหนึ่งต้องการอ่านถัดไป อีกหัวใจหนึ่งอยากนอน แบบนี้ทำให้คุณหมดความมุ่งมั่นที่จะอ่าน ดังต่อไปนี้เพียงพอจะบอกได้ว่า สมองเหนื่อยเป็นแสดงว่า ท่านหย่อนยานความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการ และไม่สามารถที่จะบังคับความนึกคิดไม่ให้เพ้อเจ้อไปในทางอื่น

2. 
กำลังสมองไม่จบไม่สิ้น

สมองเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย มีบทบาทเกี่ยวกับการเขียนจำ การคิด และก็ความรู้สึกต่างๆสมองมีตัวเซลล์โดยประมาณ 10 พันล้านตัว ถึง 12 พันล้านตัว แต่ละตัวมีเส้นใยที่เรียกว่าแอกชอน (Axon) แล้วก็เดนไดรต์ (Dendrite) สำหรับให้ไฟฟ้าเคมี (Electrochemical) แล่นผ่านถึงกัน

การที่พวกเราจะคิดหรือจำสิ่งต่างๆนั้น มีต้นเหตุมาจากการเชื่อมต่อของกระแสไฟในสมอง ผู้ที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดก็คือผู้ที่สามารถใช้ความรุนแรงกระแสไฟฟ้าได้สุดกำลัง

3. 
อัตราส่วนเชาวน์ปัญญา (I.Q.) นั้น แท้จริงไม่ใช่ของสำคัญ

นักจิตวิทยา ดังเช่น อัลเฟรดและก็บิเนต์ มีวิธีการวัดความฉลาดของคน โดยการประเมินอัตราส่วนเชาวน์ปัญญา หรือความฉลาดทางสติปัญญา แล้วระบุว่า คนนั้นๆมีความฉลาดทางสติปัญญาแค่นั้นถ้าหากผู้ใดวัดแล้วได้ความฉลาดทางสติปัญญาต่ำยิ่งกว่าร้อย ก็ค่อนข้างจะเศร้าใจสักนิดสักหน่อย

แต่ว่านักจิตวิทยาเขาว่า อย่าไปพอใจกับความฉลาดทางสติปัญญานักเลย เนื่องจากว่าการทดลองนั้นมันไม่ค่อยแน่นัก บางทีอาจทดลองบกพร่องได้ง่าย เท่าที่เขาศึกษาและทำการค้นพบว่าผู้ใดกันมีร่องยู่ยี่ขยุกขยิกตรงกลางกระหม่อมมากมายชอบเฉลี่ยวฉลาดกว่าคนอื่นๆ

แต่ว่าผู้ที่ธรรมชาติมิได้สร้างสิ่งพิเศษมาให้ จะไม่มีวันเฉลี่ยวฉลาดกับเขาบ้างหรือ

นักวิทยาศาสตร์ตอบว่า มีแล้วก็มีได้แน่นอนผู้ที่มีความฉลาดทางสติปัญญาปานกลางบางครั้งก็อาจจะเป็นคนหลักแหลมจริงๆ มีความเข้าใจดีได้โดยการหมั่นฝึกหัดตัวเซลล์ในสมองให้มันดำเนินการ ไม่ปลดปล่อยให้มันขี้คร้านอยู่เฉยเขาพบว่า ผู้ที่โด่งดังมากผู้คนจำนวนมากมีความฉลาดทางสติปัญญาเท่าๆกับคนเดินดิน ตัวอย่างเช่น จอห์น อาดัมส์, อับราฮัม ลินคอล์น, นโปเลียนเนลสัน พวกนี้มีสมองปกติแม้กระนั้นเป็นคนมีลักษณะพิเศษ เป็นอุตสาหะอุตสาหะอย่างไม่หยุดยั้ง คนสมองใสปิ๊งหากไม่หมั่นใช้ มันก็จะฝ่อได้

4. 
แก่แล้วหลังจากนั้นก็เรียนได้ดิบได้ดีเท่าชายหนุ่มแบบเดียวกัน

ความเข้าใจผิดอย่างไม่เหมาะ ก็คือว่ายิ่งชรายิ่งเรียนมิได้ โรคสมองเสื่อม ความจำไม่ดี ถ้าหากเป็นคนขี้เหล้าหรือมีโรคบางทีอาจเป็นไปได้ดังต่อไปนี้ แต่ว่าคนธรรมดาแล้วย่อมเรียนได้ตลอดอายุ ความแก่เฒ่าไม่เป็นปัญหาแก่การศึกษา

การศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับการให้ไฟฟ้าในสมองขยับเขยื้อน ด้วยเหตุนั้น ถ้าเกิดสมองไม่ผุพังเพราะเหตุว่าเชื้อโรค หรือการกระทบสะเทือนอย่างหนึ่งประการใดแล้ว อายุ 90 ปี ก็ยังเรียนได้ ที่ว่าแก่กะป้ำกะเป๋อชื่อผู้ที่เคยนึกออกก็คิดไม่ออก อะไรแนวๆนี้ เป็นการสารภาพตนเองทั้งมวล

5. 
กำลังสมองจะดียิ่งขึ้นถ้าเกิดได้ใช้มันอยู่ตลอด

สมองราวกล้ามตรงที่การฝึกหัด ถ้าเกิดได้ใช้ให้ดำเนินงาน อย่าทำให้มันเกียจคร้าน มันจะยิ่งเก่งกล้าสามารถขึ้น ท่านยิ่งใช้สมอง ความนึกคิดของท่านก็จะดียิ่งขึ้น แม้ท่านใช้ความจำอยู่เป็นประจำ ความจำของท่านก็จะดียิ่งขึ้น เป็นท่านจะจำอะไรได้เร็วขึ้น

มีอำนาจอย่างหนึ่งที่พวกเราเอ๋ยถึงกันเสมอเป็น อำนาจดวงใจหรือแรงใจ กำลังอันนี้สะสมอยู่ในสมอง ทุกครั้งที่ท่านใช้ความรุนแรงดวงใจหรืออำนาจจิตใจต่อสู้ปัญหาปัญหา หรือความยากแค้นต่างๆพลังใจของท่านก็พอกพูนมีกำลังแรงขึ้น

6. 
จิตไร้สำนึก .. คลังเก็บของอันน่าแปลก


ส่วนลี้ลับแล้วก็แสนจะแปลกประหลาดในตัวของพวกเราเป็นจิตไร้สำนึก” หรือบางคราวเรียกว่า จิตใต้สำนึก” มันเป็นที่เก็บพลังพิเศษ แล้วก็ความจำเรื่องทั้งหลายแหล่อย่างใหญ่โต แต่ว่ามันน่าแปลก ที่พวกเราไม่อาจจะให้มันแสดงฤทธิ์แล้วแต่เราได้ มันจะแสดงพลังของมันออกมาเวลาที่มีเหตุใหญ่ฉันฉับพลัน ทันด่วน และก็แสดงออกมาโดยพวกเราเองก็ไม่รู้ตัว

จิตแพทย์ได้มานะใช้สามัญสำนึกรักษาโรคจิต ดังเช่นว่า บางบุคคลจู่ๆกลัวและก็ไม่ชอบคนหน้าดำ เจ้าตัวเองก็บอกผิดว่า เพราะเหตุใดถึงชังแล้วก็กลัวอย่างไม่มีเหตุผล

จิตแพทย์จะต้องใช้แนวทางให้จิตไร้สำนึกบอกเรื่องราวแม้กระนั้นคราวหลัง ที่นอนก้นลงไปอยู่ในจิตที่นั้น ก็ทราบได้ว่าเมื่อในขณะนั้นยังเล็กอยู่ มีคนหน้าดำคนหนึ่งได้เข้ามาปลุกปล้ำบีบคอเขาในบ้าน แม้กระนั้นเขาจำประเด็นนี้มิได้ เพราะว่ามันตกไปอยู่ในจิตไร้สำนึก เมื่อเขาโตขึ้น มันก็เลยออกอาการออกมาในลักษณะที่เขากลัวและก็ไม่ชอบคนหน้าดำ

นักจิตวิทยาบอกว่า แม้พวกเราฝึกหัดกล่าวกับจิตไร้สำนึก พวกเราก็สามารถสร้างพลังขึ้นในตัวได้ เช่นพวกเราบอกกับจิตไร้สำนึกว่า คืนวันนี้พวกเราจะตื่นห้านาฬิกา ทำใจให้แน่แน่ว จ้องดูอยู่สำหรับในการตื่นเวลาห้านาฬิกา พอเพียงถึงห้านาฬิกา จิตไร้สำนึกก็จะปลุกพวกเราเอง ถ้าเกิดพวกเราเป็นคนขลาดขวยเขิน พวกเราบากบั่นกล่าวกับจิตไร้สำนึกว่าพวกเราจะไม่ขี้กลัว พวกเราจะไม่ขวยเขิน ความขี้กลาดตาขาว ความประหม่าก็จะหายไปเอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ข้อเท็จจริงของข้อคิดเห็น ข้อคิดเห็นของข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นของข้อคิดเห็น และข้อเท็จจริงของข้อเท็จจริง